โรคเบาหวาน เป็นโรคอันตรายอีกโรคหนึ่ง ปัจจุบันนี้นี้มีผู้คนเจ็บป่วยเป็นโรคเบาหวานกันมากขึ้น
และผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานมักจะเป็นผู้ที่มีอายุประมาณ 40 ปี ขึ้นไปแล้ว และเป็นได้ทุกเพศทั้งหญิงและชาย
แต่ถ้าอายุน้อยกว่า 40 ปี ก็เป็นกันได้แต่อาจจะน้อยกว่า สิ่งที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่าย
เช่น การรับประทานอาหารตามความต้องการของตัวเอง มีความสุขอยู่กับการรับประทานมากเกินไป อย่างเช่น รับประทานอาหารแต่เนื้อสัตว์ ไข่ นม
เนย หมู ไก่ เห็ด เป็ด มากจนเกินไป ผู้มีรายได้ฐานะดีส่วนใหญ่มักจะป่วยเป็นโรคเบาหวานมาก และอีกกรณีคนที่นั่งๆ นอนๆ กินแล้วก็พักผ่อน
พักผ่อนแล้วก็กินต่อไปอีก ก็มักจะเป็นโรคเบาหวานกันได้ง่ายๆ เช่นกัน
การเป็นโรคเบาหวานนั้น จะเกิดอาการที่ผิดปกติกับตับอ่อนของเรา ซึ่งตับอ่อนจะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน
แต่เมื่อเราเป็นโรคเบาหวาน ตับอ่อนก็จะสร้างฮอร์โมนอินซูลินลดน้อยลงหรืออาจจะสร้างฮอร์โมนนี้ไม่ได้แล้ว
ซึ่งอินซูลินที่ออกมานี้จะทำหน้าที่เผาผลาญน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงาน
แต่เมื่อเป็นโรคเบาหวาน ตับอ่อนก็ทำหน้าที่นี้ไม่ได้ อินซูลินที่เป็นฮอร์โมนก็มีไม่เพียงพออีก
จึงทำให้น้ำตาลในร่างกายไม่ได้ถูกนำเอาไปใช้เป็นพลังงาน ผลที่เกิดคือทำให้เกิดการสะสมของน้ำตาลขึ้นมาในร่างกาย
โดยเฉพาะจะไปอยู่ในกระแสเลือด รวมทั้งส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือเกิดมีน้ำตาลสะสมกันมากมายเกินพอดี เกินความจำเป็นในร่างกายผู้ที่เป็นโรคเบาหวานไปแล้ว
ส่วนไตทำหน้าที่กรองเอาน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะ จึงทำให้น้ำปัสสาวะมีรสหวาน
หวานจนมดขึ้นเลยทีเดียว กลายเป็นน้ำเชื่อมไปในทันที ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานจะปัสสาวะบ่อยและมากกว่าบุคคลปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน
น้ำตาลที่ออกมาจากไตมากับน้ำปัสสาวะ จะนำเอาน้ำที่มีอยู่ในเลือดออกมาด้วย จึงทำให้ร่างกายผู้ที่เป็นเบาหวานขาดน้ำผิดธรรมดากว่าคนปกติทั่วไป
ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานจึงดื่มน้ำบ่อยมาก เดี๋ยวดื่ม เดี๋ยวดื่มอีกแล้ว
บางกรณีผู้ป่วยบางคนก็ถ่ายอุจจาระมีไขมันปนออกมาด้วย ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ร่างกายจึงซูบผอมลงไปเรื่อยๆ
ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีดวงตาที่หวานด้วย
แล้วดวงตาก็เกิดเป็นต้อขึ้นมาคือโรคต้อกระจกนั่นเอง ดวงตาจะฝ้าฟาง ขุ่นมัว
มองอะไรก็ไม่ถนัด และผิวหนังของผู้ป่วยด้วยโรคนี้ก็มีน้ำตาลอยู่มาก จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ทำให้เกิดบาดแผลได้ง่าย แต่เวลาจะหาย จะหายยากมาก
ผู้ที่รับประทานอาหารประเภทไขมันมากๆ ชอบรสหวานจัด ก็จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายเช่นกัน
โรคเบาหวานนั้น แพทย์บอกว่าน่าจะเป็นกรรมพันธุ์ก็ได้ด้วย ถ้าพ่อแม่หรือบรรพบุรุษป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว
ลูกหลานก็อาจจะป่วยเป็นโรคเบาหวานตามไปด้วย
ผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานมักเกิดอาการคันตามผิวหนังเสมอ
หากเป็นสตรีก็จะเกิดอาการบวมแดงที่บริเวณช่องคลอดอีกด้วย
โดยปกติแล้วคนเราโดยทั่วไปจะไม่มีน้ำตาลในเลือดเกินปกติธรรมดา
ก่อนรับประทานอาหารจะตรวจวัดได้ไม่เกิน 120 มิลลิกรัม/เลือด 100
ซีซี หากมีน้ำตาลในน้ำปัสสาวะจะต้องมีน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 180 มิลลิกรัม/เลือด 100
ซีซี ในบุคคลที่สูงอายุบางรายมีน้ำตาลในเลือดสูงมากจนผิดปกติ
กล่าวคือสูงถึง 300 มิลลิกรัม/เลือด 100 ซีซี
แต่ตรวจไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะเลยก็มีอยู่
เมื่อเจ็บป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว ยา "สมุนไพร" ย่อมช่วยได้เสมอเมื่อเอายาที่เหมาะสมถูกกับโรคมาใช้ประโยชน์เพื่อบำบัดรักษาโรคเบาหวาน
โดยรับประทานตามกำหนด ตามขนาดและปฏิบัติตนเองให้เป็นไปตามคำแนะนำสม่ำเสมอ
ควบคุมอาหารให้ดี อย่าไปรับประทานหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานๆ
อย่ารับประทานผลไม้ที่มีรสหวานๆ อย่าดื่มเหล้าเบียร์ อย่าปล่อยให้ตัวเองอ้วนมากๆ อย่ารับประทานน้ำตาลและไขมันทุกชนิด
อย่ารับประทานน้ำอัดลม ขนมหวานๆ
ส่วนอาหารสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่สมควรรับประทาน
อาทิเช่น วุ้นเส้น ผักใบเขียวชนิดต่างๆ ผักสีเหลืองก็ได้
ผลไม้ก็อย่าไปรับประทานที่มีรสหวานมากๆ อาจจะรับประทานแตงไทย มะยม ฝรั่ง ส้มโอ มะม่วงดิบ ส้มเขียวหวาน การใช้น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร
ควรใช้น้ำมันพืชจะดีกว่าน้ำมันสัตว์และน้ำกะทิ น้ำมันมะพร้าวก็ไม่ดี
แต่ว่าถึงจะรับประทานน้ำมันพืชก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป และอย่าลืมว่าจะต้องเอา สมุนไพร มาช่วยบำบัดรักษาอาการของเบาหวานด้วย
มีอะไรบ้างขอแนะนำดังต่อไปนี้
"สมุนไพร" ที่บำบัดรักษาอาการเบาหวานที่ดีมีอยู่ก็คือ
"สมุนไพร" ที่บำบัดรักษาอาการเบาหวานที่ดีมีอยู่ก็คือ
1.ผลมะระ
2.ต้นกระทืบยอด (ไมยราบ)
3.เถาตำลึงแก่
4.รากเตยหอม
5.ผลมะแว้งเครือ/มะแว้งต้น
6.เมล็ดหว้า
7.ใบ/เมล็ดอินทนิลน้ำ (ตะแบกดำ)
8.ต้นหมากดิบน้ำค้าง
(หญ้ารากหอม)
ในวงการแพทย์แผนโบราณนั้นรู้จักกันดีว่า พืชสมุนไพรที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น
สามารถเอามาบำบัดรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ดีมาก
ผู้ป่วยจะหายจากโรคอันทรมานนี้ได้เสมอเมื่อปฏิบัติตัวเองให้ดีตามคำแนะนำ
ส่วนสูตรวิธีทำตามข้างล่างนี้เลย
ส่วนผสม
เนื้อของผลมะระผลเล็ก หั่นตากแห้ง 200 กรัม
ใบเตยหอมสับชิ้นเล็กๆ 1 ต้น
วิธีปรุง
นำเนื้อของผลมะระที่ตากแห้งมาใส่ในหม้อต้ม 3 ช้อนโต๊ะ
ใส่ใบเตยหอมสับลงไปด้วย และใส่น้ำพอประมาณ ต้ม เคี่ยว ให้ตัวยาออกมาจากมะระมากๆ
เคี่ยวให้น้ำยางวดแห้งลงเล็กน้อยก็ยกหม้อยาลงได้
ขนาดรับประทาน
นำมาดื่มครั้งละ 1 แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น วันละ 3 เวลา ดื่มทุกวันต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 5 หรือวันที่ 6 ก็ลองไปให้แพทย์วัดน้ำตาลในเลือดดูว่าน้ำตาลนั้นลดลงไปแล้วหรือยัง
หากลดลงก็หยุดยาได้ หากยังไม่ลดก็ดื่มยาต่อไปอีกจนลดลงเป็นปกติ อย่าลืมปฏิบัติตนเองในการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด
เพื่อผลการรักษาที่ดี
................................
ส่วนผสม
ต้นกระทืบยอดสด ล้างสะอาด
1 กำมือ
เตยหอมล้างสะอาด 1 ต้น
วิธีปรุง
เอาต้นกระทืบยอดมาสับเป็นท่อนสั้น ๆ รวมทั้งใบเตยหอมด้วย นำใส่หม้อต้ม
เคี่ยวให้ตัวยาออกมามากๆ จนน้ำยางวดลงเล็กน้อยก็ใช้ได้
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1 แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น ดื่มไปสัก 5-6 วัน
ก็ลองไปวัดน้ำตาลในเลือดดูได้ว่าลดลงหรือยัง ซึ่งน่าจะลดลง
.............................
ส่วนผสม
เถาตำลึงแก่ล้างสะอาดทุบสับชิ้นเล็ก ๆ 1
กำมือ
ต้นเตยหอมล้างสะอาดสับชิ้นเล็ก
1 ต้น
วิธีปรุง
เอาสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดมาใส่ลงไปในหม้อต้มยา ใส่น้ำพอท่วม
ต้มเคี่ยว
ให้งวดลงเล็กน้อย เอาน้ำมาดื่มเป็นยาได้
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1 แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น วันละ 3 ครั้ง 3
เวลา ดื่มไปสัก 5-6 วัน
ลองไปวัดน้ำตาลในเลือดดูว่าลดไปแล้วหรือยัง
หากลดแล้วก็เลิกดื่ม ยังไม่ลดก็ดื่มต่อไปอีก และคอยตรวจน้ำตาลในเลือดดู หากลดแล้วจึงเลิกดื่มยาได้
ควบคุมน้ำตาลต่อไป
ส่วนผสม
รากเตยหอมล้างสะอาด 1 กำมือ
ต้นเตยหอมล้างสะอาดสับชิ้นเล็กๆ 1 ต้น
วิธีปรุง
เอารากเตยหอมมาทุบ เอาต้นเตยหอมมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
ใส่หม้อต้มยา
ต้ม เคี่ยวให้ตัวยาออกมามากๆ จนน้ำยางวดลงไปเล็กน้อย
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1 แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น วันละ 3
ครั้ง 3 เวลา
ดื่มไปสัก 5-6 วัน แล้วลองไปวัดน้ำตาลในเลือดดูใหม่ว่าลดลดหรือยัง
ลดแล้วเลิกดื่มได้และควบคุมอาหารเหมือนเดิม
ส่วนผสม
เอาผลมะแว้งเครือ /
มะแว้งต้น มาสดๆ ล้างสะอาด
แล้วเอามาทำเป็นอาหารรับประทานได้ทันที
เช่น เอามาจิ้มน้ำพริกกะปิ
น้ำพริกปลาทู และน้ำพริกอื่นๆ
ขนาดรับประทาน
รับประทานเป็นอาหารสัก 20-30 เม็ด เช้า
กลางวันและเย็น
วันละ 3 ครั้ง ผ่านไปสัก 5-6 วัน
ลองไปวัดน้ำตาลในเลือดดู น้ำตาลจะลดลง
ส่วนผสม
เมล็ดลูกหว้าสด 50 เมล็ด
ใบเตยหอมสับชิ้นเล็ก ๆ 1 ต้น
วิธีปรุง
เอามาใส่หม้อต้มยา ใส่น้ำลงไปพอประมาณ
ต้ม
เคี่ยวให้ตัวยาออกมามากๆ แล้วเอามาดื่มเป็นยาได้ทันที
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1
แก้วเล็ก วันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
ดื่มไปสัก 5 – 6 วัน
แล้วลองไปวัดน้ำตาลในเลือดดูว่าลดแล้วหรือยัง
หากลดแล้วก็งดยาไม่ต้องดื่ม
แล้วควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำตาลต่อไป
ส่วนผสม
ใบอินทนิลน้ำแห้ง 10 ใบ
เมล็ดแห้งของอินทนิลน้ำ 5 ผล
เตยหอมล้างสะอาดสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1 ต้น
วิธีปรุง
เอาสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดมาใส่หม้อต้มยา ใส่น้ำสะอาดลงไปพอท่วม
ต้มเคี่ยวยานี้ไปจนน้ำยางวดลงเล็กน้อย น้ำยาละลายออกมากับน้ำแล้วยกลง
คงปิดฝาหม้อต้มยาเอาไว้อีก น้ำยาเย็นลงแล้วเอามาดื่มได้เป็นยาทันที
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1
แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น วันละ 3 ครั้ง
เวลาผ่านไปสัก 5 วัน
ลองไปตรวจน้ำตาลในเลือดใหม่ว่าลดลงเป็นปกติแล้วหรือยัง
หากลดลงแล้วให้เลิกยาได้ทันที
ถ้ากำลังลดหรือเริ่มลดลงบ้างแล้ว
ให้ดื่มยานี้ต่อไปอีกแล้วตรวจน้ำตาลในเลือดใหม่
ส่วนผสม
ต้นหมากดิบน้ำค้างล้างสะอาด 1 กำมือ
เตยหอมล้างสะอาดสับชิ้นเล็กๆ 1 ต้น
วิธีปรุง
เอาสมุนไพรทั้ง 2
ชนิดมาใส่หม้อต้มยา ใส่น้ำสะอาดลงให้ท่วมตัวยา
พอสมควร ยกหม้อตั้งบนเตาไฟ ต้มเคี่ยว
ไปจนตัวยาละลายออกมากับน้ำจนงวดลงเล็กน้อย
ก็ยกหม้อต้มยาลงได้ ปิดผาหม้อเอาไว้ให้ความร้อนระอุทั่วกัน
ตัวยาจะละลายออกมาอีกเรื่อย เย็นลงแล้วดื่มเป็นยาได้ทันที
ขนาดรับประทาน
ดื่มครั้งละ 1
แก้วเล็ก เช้า กลางวันและเย็น วันละ 3 ครั้ง
เวลาไปผ่านไปสัก 5-6 วัน
ลองไปตรวจน้ำตาลในเลือดดูว่าลดแล้วหรือยัง
หากลดแล้วก็เลิกดื่มยาได้
แต่ถ้ายังไม่ลดหรือเพิ่งลดลงเล็กน้อย
ให้ดื่มต่อไปอีก เพราะแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน
มีลดเร็วลดช้าได้เสมอ ต้องควบคุมน้ำตาลเรื่องอาหารให้ดีด้วย
เพื่อให้ได้ผลเมื่อดื่มยานี้
.....................................